ใบย่านาง

 ใบย่านาง สมุนไพรโบราณสุดมหัศจรรย์ที่เปี่ยมสรรพคุณทางยา และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ย่านาง เป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่โบราณในการรักษาโรคต่าง ๆ รวมถึงการนำมาทำอาหารหลากหลายชนิด ซึ่ง หมอเขียว ใจเพชร นักวิชาการสาธารณสุข ครูฝึกแพทย์แผนไทย และนักบำบัดสุขภาพทางเลือก เคยนำมาอธิบายไว้ในหนังสือ "ย่านาง สมุนไพรมหัศจรรย์" เกี่ยวกับประโยชน์และสรรพคุณมากมายของย่านาง ซึ่งทางภาคอีสานหมอยาโบราณเรียกย่านางว่า "หมื่นปี บ่ เฒ่า" แปลเป็นภาษากลางว่า "หมื่นปีไม่แก่" และในปัจจุบัน ย่านาง ถูกใช้อย่างแพร่หลายในการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก เพื่อรักษาอาการป่วยต่าง ๆ รวมทั้งการปรับสมดุลในร่างกาย

          ย่านาง หรือใบย่านาง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tiliacora triandra (Colebr.) Diels มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Bamboo grass ทางภาคเหนือเรียกว่า จ้อยนาง ภาคกลางเรียก เถาย่านาง เถาวัลย์เขียว และภาคใต้จะเรียกว่า ยาดนาง เป็นพืชในตระกูลไม้เลื้อย กิ่งอ่อน มีขนอ่อนปกคลุม เมื่อแก่แล้วผิวค่อนข้างเรียบ รากมีขนาดใหญ่ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกติดกับลำต้นแบบสลับ รูปร่างใบคล้ายรูปไข่ หรือรูปไข่ขอบขนาน ปลายใบเรียว ฐานใบมน ขนาดใบยาว 5-10 ซม. กว้าง 2-4 ซม. ขอบใบเรียบ ก้านใบยาว 1 ซม. ดอกออกตามซอกโคนก้านใบเป็นช่องยาว 2-5 ซม. ช่อหนึ่ง ๆ มีดอกขนาดเล็กสีเหลือง 3-5 ดอก ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ไม่มีกลีบดอก ผลรูปร่างกลมรีขนาดเล็ก สีเขียว เมื่อแก่กลายเป็นสีเหลืองอมแดงและกลายเป็นสีดำ ย่านางเป็นพืชที่มีฤทธิ์เย็น สามารถช่วยดับพิษร้อนต่าง ๆ ได้

คุณค่าทางโภชนาการของใบย่านาง
ในใบย่านาง 100 กรัมจะ มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
          - พลังงาน 95 กิโลแคลอรี่
          - เส้นใย 7.9 กรัม
          - แคลเซียม 155 มิลลิกรัม
          - ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม
          - เหล็ก 7.0 มิลลิกรัม
          - วิตามินเอ 30625 IU
          - วิตามินบีหนึ่ง 0.03 มิลลิกรัม
          - วิตามินบีสอง 0.36 มิลลิกรัม
          - ไนอาซิน 1.4 มิลลิกรัม
          - วิตามินซี 141 มิลลิกรัม
          - โปรตีน 15.5 เปอร์เซนต์
          - ฟอสฟอรัส 0.24 เปอร์เซนต์
          - โพแทสเซียม 1.29 เปอร์เซนต์
          - แคลเซียม 1.42 เปอร์เซนต์
          - แทนนิน 0.21 เปอร์เซ็นต์ 

สรรพคุณทางยาของย่านาง

          ย่านางนั้นมีสรรพคุณทางยาที่ขึ้นชื่อมากมาย ซึ่งสรรพคุณทางยา ไม่ได้มีเพียงแค่ในใบย่านางเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนอื่น ๆ ของต้นก็มีประโยชน์มากมายเช่นกัน

สรรพคุณรากย่านาง

          รากของย่านาง นิยมนำมาใช้เพื่อแก้อาการไข้ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นไข้พิษ ไข้เหนือ ไข้หัด ไข้ฝีดาษ ไข้กาฬ หรือ ไข้ทับระดู และอาการเบื่อเมา นอกจากนี้รากของย่านางยังเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของตำรับยาเบญจโลกวิเชียร หรือยา 5 ราก หรือแก้วห้าดวง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขประกาศใช้ในบัญชียาสมุนไพร โดยยาดังกล่าวเป็นสามารถรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในขณะเริ่มแรกได้ โดยนำรากแห้งต้มกับน้ำครั้งละ 1 กำมือ แล้วดื่มก่อนอาหาร วันละ 3 ครั้ง


สรรพคุณใบย่านาง
           ใบย่านาง คือเป็นส่วนที่มีประโยชน์และถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคมากที่สุด เพราะเป็นพืชที่มีฤทธิ์เย็น และมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง นอกจากนี้ถูกจัดเอาไว้ในตำราสมุนไพรว่าเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของใบย่านางในการรักษาโรคมีดังนี้

รักษาและป้องกันโรคภัยต่าง ๆ


          -ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
          -ช่วยป้องกันและบำบัดการเกิดโรคหัวใจ
          -ช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งได้
          -สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็ง หากดื่มน้ำใบย่านางเป็นประจำ จะทำให้ก้อนเนื้อมะเร็งจะฝ่อและเล็กลง
          -ช่วยป้องกันและรักษาโรคภูมิแพ้ ไอจาม มีน้ำมูกและเสมหะ
          -ช่วยรักษาอาการร้อนแต่ไม่มีเหงื่อ
          -ช่วยรักษาอาการของโรคเบาหวาน โดยไปลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ลดลง
          -มีส่วนช่วยช่วยอาการปวดตึง ปวดตามกล้ามเนื้อ ปวดชาบริเวณต่าง ๆ
          -มีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาลาเรีย
          -ช่วยรักษาอาการเกร็ง ชัก หรือเป็นตะคริวบ่อย ๆ
          -ช่วยแก้อาการเจ็บเหมือนมีไฟช็อตหรือมีเข็มแทงหรือมีอาการร้อนเหมือนไฟ
          -ช่วยแก้อาการเหงือกอักเสบอย่างรุนแรงและเรื้อรัง
          -ช่วยรักษาโรคตับอักเสบ
          -ช่วยรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษ
          -ช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวาร
          -ช่วยป้องกันการเกิดโรคเกาต์

ระบบทางเดินอาหาร

          -ช่วยรักษาอาการท้องเสีย เพราะช่วยฆ่าเชื้อโรคที่เป็นต้นเหตุได้
          -ช่วยบรรเทาอาการอาการปวดท้องอย่างเฉียบพลัน
          -ช่วยแก้อาการท้องผูก ลดอาการแสบท้อง
          -ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบ
          -ช่วยลดอาการหดเกร็งตามลำไส้
          -ช่วยรักษาอาการกรดไหลย้อน

ระบบทางเดินหายใจ

          -ช่วยป้องกันและรักษาโรคหอบหืด
          -ช่วยรักษาอาการของโรคไซนัสอักเสบ

ระบบผิวหนัง

          -ช่วยชะลอและลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
          -ช่วยป้องกันไม่ให้เส้นเลือดฝอยในร่างกายแตกใต้ผิวหนังได้ง่าย
          -ช่วยรักษาอาการตกกระที่ผิวเป็นจ้ำ ๆ สีน้ำตาลตามร่างกาย
          -ช่วยในการรักษาโรคเริม งูสวัด
          -รักษาสิว ฝ้า ตุ่มคัน ตุ่มใส ผื่นคัน พอกฝีหนอง โดยการน้ำใบย่านางเมื่อนำมาผสมกับดินสอพองหรือปูนเคี้ยวหมากจนเหลว แล้วนำมาทา
          -ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
          -ช่วยรักษาอาการผิวหนังมีความผิดปกติคล้ายรอยไหม้
          -ช่วยป้องกันและรักษาอาการส้นเท้าแตก เจ็บส้นเท้า
          -ช่วยรักษาอาการเล็บมือเล็บเท้าผุ โดยรักษาอาการเล็บมือเล็บเท้าขวางสั้น ผุ ฉีกง่าย หรือในเล็บมีสีน้ำตาลดำคล้ำ อาการอักเสบที่โคนเล็บ 

ระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะ

          -ช่วยรักษาโรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ นิ่วในถุงน้ำดี
          -ช่วยรักษาอาการปัสสาวะแสบขัด ออกร้อนในทางเดินปัสสาวะ
          -ช่วยแก้อาการปัสสาวะมีสีเข้ม ปัสสาวะบ่อย หรือมีอาการปัสสาวะออกมาเป็นเลือด
          -ช่วยรักษาอาการมดลูกโต อาการปวดมดลูก ตกเลือดได้
          -ช่วยบำบัดรักษาโรคต่อมลูกหมากโต
          -ช่วยป้องกันโรคไส้เลื่อน
          -ช่วยรักษาอาการตกขาว

สร้างเสริมและบำรุงสุขภาพ

          -ช่วยลดน้ำหนัก โดยการเผาผลาญไขมันและนำไปใช้เป็นพลังงาน
          -ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านโรคในร่างกายให้แข็งแรง
          -ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
          -ช่วยฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
          -ช่วยในการปรับสมดุลของร่างกาย
          -ช่วยในการบำรุงรักษาตับ และไต
          -ช่วยรักษาและบำบัดอาการอัมพฤกษ์
          -ช่วยแก้อาการอ่อนล้า อ่อนเพลียของร่างกาย
          -ช่วยรักษาอาการเกร็ง ชัก หรือเป็นตะคริวบ่อย ๆ
          -ช่วยแก้อาการเจ็บเหมือนมีไฟช็อตหรือมีเข็มแทงหรือมีอาการร้อนเหมือนไฟ
          -ช่วยรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม คลื่นไส้ อาเจียนได้
          -ช่วยแก้อาการง่วงนอนหลังการรับประทานอาหาร
          -ช่วยแก้อาการเลือดกำเดาไหล
          -ช่วยในการบำรุงสายตาและรักษาโรคเกี่ยวกับตา เช่น ตาแดง ตาแห้ง ตามัว แสบตา ปวดตา ตาลาย เป็นต้น
          -ช่วยรักษาอาการปากคอแห้ง ริมฝีปากแตกหรือลอกเป็นขุย
          -ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเสมหะเหนียวข้น ขาวขุ่น มีสีเหลืองหรือเขียว หรืออาการเสมหะพันคอ
          -ช่วยลดอาการนอนกรน
          -ช่วยแก้อาการเจ็บปลายลิ้น
          -ช่วยป้องกันและบำบัดรักษาโรคหัวใจ
          -ช่วยป้องกันและรักษาโรคหอบหืด
          -ช่วยรักษาโรคตับอักเสบ

สรรพคุณเถาย่านาง

           เถาของย่านางช่วยลดความร้อนและแก้พิษตานซาง และยังมีข้อมูลทางเภสัชวิทยาระบุอีกว่า สามารถช่วยต้านมาลาเรีย และยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ได้

ประโยชน์ของใบย่านาง

          ใบย่านางนั้นมีประโยชน์ในการช่วยชะลอการเกิดผมหงอก ทำให้ผมดำและนุ่มชุ่มชื้น และยังมีการนำมาทำเป็นอาหารโดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนผสมของหน่อไม้ เพราะน้ำใบย่านางนั้นสามารถช่วยต้านพิษกรดยูริกที่มีในหน่อไม้ได้ แถมยังนิยมนำมาทำอาหารชนิดต่าง ๆ เช่น แกงหน่อไม้ ซุบหน่อไม้ แกงอ่อม แกงเห็ด แกงเลียง หรือรับประทานสด ๆ กับน้ำพริกอีกด้วย  


วิธีการทำน้ำใบย่านาง

          โดยส่วนใหญ่แล้วการนำย่านางมาใช้นั้นมักจะนำมาใช้โดยการคั้นน้ำและเอาไปเป็นส่วนผสมในการทำอาหารนำมาดื่มเพื่อรักษาโรคต่าง ๆ ซึ่งหมอเขียวก็ได้แนะนำวิธีใช้ใบย่านางเอาไว้ในหนังสือ เรามาดูกันดีกว่าว่า น้ำใบย่านางนั้นมีวิธีการทำอย่างไรบ้าง

วิธีการทำน้ำใบย่านางสูตรหมอเขียว

          สูตรนี้ เป็นการใช้ใบย่านางในการเพิ่มคลอโรฟิลล์ คุ้มครองเซลล์ ฟื้นฟูเซลล์ ปรับสมดุล บำบัดหรือบรรเทาอาการที่เกิดจากภาวะไม่สมดุลของร่างกาย ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้

ใบย่านาง

          - เด็ก ใช้ใบย่านาง 1-5 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว 200-600 ซีซี
          - ผู้ใหญ่ ที่รูปร่างผอม บางเล็ก ทำงานไม่ทน ใช้ 5-7 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
          - ผู้ใหญ่ที่รูปร่างผอม บาง เล็ก ทำงานทน ใช้ 7-10 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
          - ผู้ใหญ่ที่รูปร่างสมส่วน ตัวโต ใช้ 10-20 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว

วิธีทำ

          1. ใช้ใบย่านางสด มาล้างทำความสะอาดโขลกให้ละเอียดแล้วเติมน้ำ หรือขยี้ใบย่านางกับน้ำหรือปั่นในเครื่องปั่น (แต่การปั่นในเครื่องปั่นไฟฟ้า จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงบ้าง เนื่องจากความร้อนจะไปทำลายความเย็นของย่านาง)

          2. กรองน้ำใบย่านางที่ได้ผ่านกระชอนเอาแต่น้ำ

          3. ดื่มครั้งละ 1/2-1 แก้ว วันละ 2-3 เวลา ก่อนอาหาร หรือตอนท้องว่างหรือผสมเจือจางดื่มแทนน้ำ เพราะถ้าเกิน 4 ชม. มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่เหมาะที่จะดื่ม แต่ถ้าแช่ในตู้เย็น ควรใช้ภายใน 3-7 วันโดยให้สังเกตุที่กลิ่นเปรี้ยวเป็นหลัก

หมายเหตุ

          ถ้าจะให้ได้รสชาติ คั้นกับใบเตย จะหอมอร่อยมาก หรือจะใส่กับน้ำมะพร้าวก็จะหอมชื่นใจมากขึ้น ( แต่ถ้าใส่น้ำมะพร้าวจะเสียเร็วนะ) ผักฤทธิ์เย็น นำมาคั้นร่วมกับย่านางก็ได้  เช่น  ผักบุ้ง ตำลึง ใบบัวบก ใบเตย

วิธีการทำน้ำใบย่านางสูตรทั่วไป

ส่วนผสม

          - ใช้ใบย่านาง 30-50 ใบ
          - น้ำดื่ม 4.5 ลิตร
          - ใบเตย 10 ใบ

วิธีการทำ

           1. ตัดหรือฉีกใบย่านางและใบเตยให้เล็กลง แล้วนำไปโขลกให้ละเอียด หรือขยี้ หรือนำไปปั่น

           2. กรองด้วยผ้าขาวบาง หรือตะแกรงตาถี่เอาแต่น้ำสีเขียว แล้วนำไปดื่มแทนน้ำได้ทั้งวัน ที่เหลือให้เก็บไว้ในตู้เย็นไว้ดื่มได้ 4 - 5 วัน ถ้ารสชาติเริ่มเปรี้ยวควรทิ้งทันที

วิธีการทำน้ำใบย่างนางสูตรที่ 2

ส่วนผสม

          - ใบย่านาง 5-20 ใบ
          - ใบเตย 1-3 ใบ
          - บัวบก ครึ่ง-1 กำมือ
          - หญ้าปักกิ่ง 3-5 ต้น
          - ใบอ่อมแซบ (เบญจรงค์) ครึ่ง-1 กำมือ
          - ใบเสลดพังพอน ครึ่ง–1 กำมือ
          - ว่านกาบหอย 3-5 ใบ

วิธีการทำ
 
           1. ตัดหรือฉีกใบย่านาง ใบเตย ใบบัวบก หญ้าปักกิ่ง ใบเบญจรงค์ และใบเสลดพังพอนให้เล็กลง แล้วนำไปโขลกให้ละเอียด หรือขยี้ หรือนำไปปั่น

           2. กรองด้วยผ้าขาวบาง หรือตะแกรงตาถี่เอาแต่น้ำสีเขียว แล้วนำไปดื่มแทนน้ำได้ทั้งวัน ที่เหลือให้เก็บไว้ในตู้เย็นไว้ดื่มได้ 4 - 5 วัน ถ้ารสชาติเริ่มเปรี้ยวควรทิ้งทันที

เทคนิควิธีการปั่นใบย่านาง

          การทำน้ำใบย่านาง โดยใช้เครื่องปั่นให้คงคุณค่าสารอาหาร เทคนิคอยู่ที่วิธีการปั่นคือ ไม่ควรกดปั่นครั้งเดียวจนใบย่านางละเอียด ควรใช้วิธีกดปั่น แล้วนับ 1-2-3-4-5 อย่างเร็ว แล้วรีบกดปิด รอให้น้ำใบย่านางหยุดหมุน แล้วกดปั่นอีกครั้งนับ 1-2-3-4-5 อย่างเร็วแล้วรีบกดปิด รอให้น้ำใบย่านางหยุดหมุนทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนใบย่านางละเอียด วิธีนี้ทำให้โมเลกุลของสารอาหารไม่เปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิม เสร็จแล้วจึงนำมากรองเอาแต่น้ำ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
สถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทย
สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย
morkeaw.net
- Kapok.com

 

 


  • 21.jpg
    เตย หรือ เตยหอม ชื่อสามัญ Pandan leaves, Fragrant pandan, Pandom wangเตย ชื่อวิทยาศาสตร์ Pandanus amaryllifolius Roxb. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Pandanus odorus Ridl.) จัดอยู่ในวงศ์เตยท...

  • 6f21d3fd-8d44-89df-cb4a-5c08ee1e1c46.jpg
    ใบบัวบก บัวบก ชื่อสามัญGotu kola บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในวงศ์ผักชี (APIACEAEหรือUMBELLIFERAE) สมุนไพรบัวบกมีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักหนอก (ภาคเหน...

  • 2.jpg
    เสลดพังพอนตัวเมีย เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญSnake Plant[8] เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, ...

  • 2.jpg
    มะพร้าว ผลไม้ที่กล่าวกันว่ามีสรรพคุณทางการรักษานานัปการ ช่วยลดความดันโลหิต ลดไขมันคอเลสเตอรอล ป้องกันและรักษาภาวะขาดน้ำจากการถ่ายท้องหรือออกกำลังกาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ...

  • 3.jpg
    ขมิ้นหรือขมิ้นชันชื่อสามัญ Turmeric ขมิ้น ชื่อวิทยาศาสตร์Curcuma longa L. จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE) ขมิ้นเป็นพืชล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูลขิง มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้า...

  • 3.jpg
    ไพลหรือว่านไพลชื่อสามัญ Phlai, Cassumunar ginger, Bengal root สมุนไพรไพลมีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ปูขมิ้น มิ้นสะล่าง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน), ว่านไฟ ไพลเหลือง (ภาคกลาง), ปูเลย ปูลอย (ภาคเห...

  • 1.jpg
    ส้มแขกเป็นผลไม้ขนาดเล็กที่มีรสเปรี้ยว มักนิยมนำมาเพิ่มรสชาติให้กับอาหารจากทางภาคใต้ เช่น แกงส้ม ต้นยำ ปลาต้มเค็ม เป็นต้น ซึ่งนอกเหนือจากความอร่อยแล้ว นักวิจัยยังเชื่อกันอีกว่าส้มแข...

  • 3.jpg
    มะขามแขก ชื่อสามัญAlexandria senna, Alexandrian senna, Indian senna, Tinnevelly senna มะขามแขก ชื่อวิทยาศาสตร์Senna alexandrina Mill. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Cassia angustifolia M.Vah...

  • 1.png
    ไซเลี่ยม ฮัสค์ (Psyllium Husk)คือใยอาหารอาหารชนิดละลายน้ำได้ (Soluble Fiber) DETOX ช่วยทำความสะอาดลำไส้ ไม่ให้พลังงาน ไม่มีน้ำตาล ไม่มีไขมัน มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ...
Visitors: 410,510