สภาวะจิตขณะสัิ้นใจ

 

  สภาวะจิตขณะสิ้นใจ

           มันเป็นการฝันครั้งสุดท้ายของชีวิต  และเป็นตัวกำหนดว่า

ชาติต่อจากนี้ไป.. เราจะต้องไปเกิดเป็นอะไร.. ที่ภพภูมิไหน.. อย่างไร..          

       คำจำกัดความ ของ กฎแห่งกรรม ที่พระพุทธเจ้า  ผู้รู้ หรือโบราณาจารย์ ได้สอนและรวบรวมไว้ ซึ่งเราได้ยิน ได้เห็นเป็นประจำ เช่น

·       บุคคลหว่านพืชเช่นใด  ย่อมได้รับผลเช่นนั้น

·       ทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว

·       ผู้ใดทำกรรมใดไว้  ย่อมจะต้องได้รับผล(วิบาก)ของกรรมนั้นตอบสนอง

·       สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

·       กรรมจำแนกสัตว์ให้เลวหรือดี  ให้ทรามหรือประณีต เป็นต้น

               คำสอนเหล่านี้ หมายความว่า ผู้ทำกรรมดีย่อมได้รับผลดี  ผู้ทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่วเป็นสิ่งตอบแทน  คนหรือสัตว์ที่ทำกรรมดีย่อมไปตามกรรมดี  ทำกรรมชั่วย่อมไปตามกรรมชั่วของตน

              มนุษย์ปุถุชนโดยทั่วไปขณะมีชีวิตอยู่ ก็ทำทั้งความดีและความชั่วและต้องรับผลวิบากจากการกระทำนั้นด้วย  วิบากบางอย่างก็ส่งผลในชาตินี้ๆ  เร็วบ้างช้าบ้าง  วิบากบางอย่างก็ส่งผลในชาติต่อไปให้ผู้ทำต้องไปรับผลหลังความตาย  ดังนั้นความตายจึงเป็นขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการตัดสินโทษของธรรมชาติ         

              คนเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย  จะตายเร็วหรือช้า จะตายที่ไหน จะตายด้วยเหตุใดก็ต้องตายทั้งนั้น ต้องตายแน่ๆ  เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง ทุกตัวตนทั้งคนและสัตว์จะต้องประสบกับ เสี้ยววินาทีสุดท้ายของชีวิต  ด้วยกันทั้งนั้น  มันเป็นการ ฝันครั้งสุดท้ายของชีวิต และการฝันครั้งนี้จะเป็นตัวกำหนดว่า ในชาติต่อไปหลังจากตายแล้วเราจะต้องถูกตัดสินให้ไปเกิดเป็นอะไร  ต้องไปเจออะไรบ้าง  อยู่ที่ภพภูมิไหน ยาวนานเท่าใด 

               ขณะมีชีวิตอยู่เมื่อคนทำผิดกฎหมาย  แต่ละประเทศก็จะมีบทลงโทษ มีกระบวนการ และหน่วยงานต่างๆ เพื่อจับตัวมาดำเนินคดี  พิจารณาคดี  และการบังคับให้รับโทษ  โดยมีผู้บังคับใช้กฎหมายคือ ตำรวจ อัยการ ศาล กรมบังคับคดี และมีเรือนจำไว้กักขัง   ศาลตัดสินจำคุกกี่ปี ก็ต้องติดคุกตามนั้น

               ธรรมชาติก็มีกฎของธรรมชาติเองเช่นกัน จะเรียกว่าเป็นกฎหมายของธรรมชาติก็ได้ นั่นคือ “กฎแห่งกรรม” กฎแห่งกรรมก่อนตายจะมีกระบวนการเพื่อพิจารณากรรมดีกรรมชั่ว มีการตัดสิน ลงโทษ  ท้ายสุดมีเรือนจำคุมขังของธรรมชาติเองถ้าต้องไปรับวิบากบาปก่อน   หรือได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกรณีได้ไปรับวิบากบุญก่อน   

             ในวินาทีสุดท้าย ของคน(และสัตว์)  ขณะจวนเจียนจะตาย  ธรรมชาติ หรือ กฎแห่งกรรมจะนำจิตของเราเข้าสู่วิถีของการเกี่ยวเนื่องกับความตาย หรือ มรณาสันนวิถี   จะเรียกว่ามันเป็นการบังคับจิตของเราเข้าสู่ กระบวนการพิจารณา  ตัดสินโทษ  ลงโทษ และบังคับคดี ของธรรมชาติ ก็ได้  เพื่อส่งวิญญาณเราเข้าสู่ชาติต่อไปอย่างยุติธรรมตามกรรมชั่วและกรรมดีที่เราได้ทำไว้

             กระบวนการต่างๆขณะสิ้นใจตายดังกล่าวแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนต่อเนื่องสัมพันธ์กันได้แก่  1 กรรมนิมิต       2. คตินิมิต   3. คติภพ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีสุดท้ายของจิตของคนและสัตว์ขณะจวนเจียนจะตาย     ทั้งหมดนี้คือ           สภาวะจิตขณะสิ้นใจ อันเป็น กระบวนการพิจารณา  ตัดสินโทษ  ลงโทษ และบังคับคดี ของธรรมชาติที่ผู้ตายหลีกเลี่ยงไม่ได้

                                   1.กรรมนิมิต

      ขั้นตอนแรกที่จิตเราจะต้องพบขณะสิ้นใจคือ กรรมนิมิต 

              กรรม หมายถึง การกระทำ   

              นิมิต  หมายถึง สร้าง ,แปลง,ทำ,เครื่องหมาย,ลาง,เหตุ,เค้ามูล

ดังนั้น กรรมนิมิต จึงหมายความว่า  เครื่องหมาย,ลางที่ปรากฏให้เห็นการกระทำของเรา

               เสี้ยววินาทีสุดท้ายของชีวิตขณะที่เราใกล้จวนเจียนจะตาย  ธรรมชาติจะบังคับให้

จุติจิตหรือจิตขณะตายเกิดแก่เรา   โดยปกติทั่วไปจิตเราจะเห็นภาพการกระทำต่าง ๆ ของเราตั้งแต่เกิดจนตายตลอดชีวิตในชาตินี้ ทั้งการทำชั่วและการทำดีอย่างละเอียด ชัดเจน ในเวลาอันรวดเร็วซึ่งยากเกินกว่าเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันจะอธิบายได้ เพื่อทำให้อารมณ์จิตของเรา (ผู้จวนจะตาย)เกิดความรู้สึกสะเทือนใจหรือปลื้มใจ  ทุกข์ใจหรือสุขใจ  จิตจะถูกทำให้เกิดอารมณ์เกาะติดกับความรู้สึกเช่นนั้นอย่างจริงจังจนฝังใจ

 

                                  2. คตินิมิต  

      ขั้นตอนที่สองที่จิตเราจะต้องพบขณะสิ้นใจคือ คตินิมิต 

              คติ หมายถึง  การไป,ความเป็นไป,แบบอย่าง,วิธี,แนวทาง

             นิมิต หมายถึงสร้าง ,แปลง,ทำ,เครื่องหมาย,ลาง,เหตุ,เค้ามูล

ดังนั้น คตินิมิต จึงหมายความว่า  เครื่องหมาย,ลางที่ปรากฏให้เห็นการไป เห็นความเป็นไป เห็นแนวทางเห็นวิธีเห็นสถานที่ที่จะไปเกิดใหม่(ในชาติต่อจากการตายครั้งนี้)

            เมื่อจิตถูกทำให้เกิดอารมณ์เกาะติดกับความรู้สึกก่อนสิ้นใจตายเช่นนั้นอย่างจริงจังจนฝังใจในขั้นตอนแรกคือกรรมนิมิตดังกล่าวแล้ว ขั้นตอนที่สองที่จิตผู้ตายจะต้องพบคือ  จิตจะเห็นภาพของภพภูมิที่จะต้องไปเกิดในชาติต่อไปซึ่งจะสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกับอารมณ์ของจิตขณะนั้น  แล้วท้ายสุดจิตก็จะถูกบังคับให้เคลื่อนไปสู่ภพภูมิใหม่นั้น

                                  3. คติภพ

      ขั้นตอนที่สามหรือขั้นตอนสุดท้ายที่จิตเราจะต้องพบขณะสิ้นใจคือ คติภพ

              คติ หมายถึง  การไป,ความเป็นไป,แบบอย่าง,วิธี,แนวทาง

             ภพ  หมายถึง โลก , แผ่นดิน, สถานที่(ที่จะไปเกิดใหม่)

ดังนั้น คติภพ จึงหมายความว่า  โลก แผ่นดิน สถานที่   ที่จะต้องไปเกิดใหม่(ในชาติต่อจากการตายครั้งนี้)

            เมื่อจิตถูกทำให้ เห็นแนวทาง เห็นวิธี เห็นสถานที่ที่จะไปเกิดใหม่(ในชาติต่อจากการตายครั้งนี้)ตามขั้นตอนที่สองคือ คตินิมิต ดังกล่าวแล้ว จิตได้เห็นภาพของภพภูมิที่จะต้องไปเกิดในชาติต่อไปซึ่งจะสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกับอารมณ์ของจิตขณะนั้นชัดยิ่งขึ้น  แล้วท้ายสุดในขั้นตอนที่สามซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จิตผู้ตายจะต้องพบคือ คติภพ จิตจะถูกบังคับให้เคลื่อนไปสู่ภพภูมิใหม่นั้น เกิดปฏิสนธิจิตเข้าไปสู่ภพภูมิใหม่ ในร่างใหม่ จะเป็นร่างที่มีกายเนื้อหรือไม่มีกายเนื้อก็ตาม  เพื่อเป็นการไปรับโทษรับทุกข์ในเรือนจำหรือรับสุขในแดนที่เหมาะสม อันเป็นสิ่งตอบแทนการกระทำของผู้ตายตามกรรมชั่วและกรรมดีที่ได้ก่อไว้ นั่นเอง

( คำอธิบายเกี่ยวกับสภาวะจิตขณะสิ้นใจ ของทุกขั้นตอนทั้ง กรรมนิมิต  คตินิมิต  และ คติภพ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีสุดท้ายของจิตของคนและสัตว์ขณะจวนเจียนจะตาย  ทั้งหมดนี้จะอธิบายโดยละเอียดไว้ในตัวอย่างประกอบเพื่อเป็นกรณีศึกษาในหัวข้อ เรื่อง  “ ชาติต่อไปของคนฆ่าหมู ”อันเป็นหนึ่งในหัวข้อย่อยของ บทความที่น่าสนใจ  ของเว็บไซ้ดนี้ ต่อไป

 

             เมื่อเรารู้แล้วว่ากรรมต่างๆของเราในปัจจุบันมีผลต่อเราเองทั้งในปัจจุบัน อนาคตรวมทั้งชาติต่อไปด้วยแล้ว เราจะทำอย่างไรเล่าที่จะทำให้    ขณะมีชีวิตอยู่ก็อยู่อย่างมีความสุข   ช่วงกำลังขาดใจตายก็ไม่ทุกข์   ตายไปแล้วก็ได้เกิดในสุคติภพด้วย

             ผู้เขียนหวังว่าเมื่อท่านได้อ่านบทความนี้จบแล้ว คงจะทำให้เกิดกำลังใจที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันของท่าน  เพื่อให้ได้รับความสุขจากผลกรรมดีของท่านเอง  และเมื่อท่านเริ่มลด ละ เลิก กรรมชั่ว   ควบคู่ไปกับการสั่งสมกรรมดีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆได้ระดับหนึ่งแล้ว แม้วาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง ท่านก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความตายได้อย่างไม่หวั่นไหว  เพราะมั่นใจแล้วว่าความดีที่ท่านสะสมไว้ มากพอที่จะกำหนดให้เห็น สภาวะจิตขณะสิ้นใจที่ดี  จนพาท่านไปสู่สุคติภพในชาติหน้าได้อย่างแน่นอน

                                                                                           เสกตะวัน

                                                                                                                                   20 มกราคม 2540

 

 

Visitors: 410,389